เจาะลึก e.p.t.q. ฟิลเลอร์อีกหนึ่งแบรนด์ดังจากเกาหลี

E.p.t.q.

E.p.t.q. คืออะไร

E.p.t.q. มีข้อดียังไง

E.p.t.q. มีกี่รุ่น

E.p.t.q. อยู่ได้นานไหม

E.p.t.q. ปลอดภัยมั้ย

หลังฉีดฟิลเลอร์ E.p.t.q. ต้องปฎิบัติตัวอย่างไรบ้าง

ฉีดฟิลเลอร์ E.p.t.q. มีผลข้างเคียงอะไรได้บ้าง

E.p.t.q. คืออะไร

E.p.t.q. แบรนด์จากเกาหลีใต้ ย่อมาจากคำว่า “Exquisite” และ “Technique” E.p.t.q. ประกอบด้วย 3 รุ่นของกรดไฮยาลูรอนิกที่ครอบคลุมความต้องการโดยรวม ให้ประสิทธิภาพที่ต้องการสำหรับผิวหนังทุกชนิด E.p.t.q. เป็นผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพสูงซึ่งถูกผลิตตามกระบวนการผลิตตรงตามมาตรฐานความปลอดภัยของยุโรป เช่น CE 2292 และ KFDA โดย e.p.t.q. มีส่วนประกอบเป็นกรดไฮยาลูรอนิกที่เชื่อมโยงกัน กระบวนการเชื่อมโยงกันของโมเลกุลของกรดไฮยาลูรอนิกนี้เองทำให้การสลายตัวช้าลงเมื่อเทียบกับกรดไฮยาลูรอนิกปกติ ซึ่งสนับสนุนให้ผิวดูมีความเยาว์และสว่างใสขึ้นด้วยฟิลเลอร์ตัวนี้

E.p.t.q ใช้ความเข้มข้นสูงของกรดไฮยาลูรอนิก (HA) ซึ่งเป็นน้ำตาลที่พบในผิวหนังของเราที่เก็บน้ำและช่วยให้ผิวคงความชุ่มชื้น เมื่อถูกฉีดเข้าไป มันจะทำหน้าที่เหมือนฟองน้ำเพื่อดึงน้ำมาที่ผิวหนังและทำให้พื้นที่บวมขึ้น HA ยังเสริมกรดคอลลาเจนธรรมชาติของผิวหนัง นอกจากนี้ HA ยังปลอดภัยกว่าชนิดอื่นของกรดไฮยาลูรอนิกอีกด้วย ความยืดหยุ่นของโครงสร้างโมเลกุลของ E.p.t.q ทำให้เนื้อเยื่อผิวหนังฟูขึ้น และเพื่อลดความเจ็บปวดและความไม่สบายหลังการกระบวนการ E.p.t.q. จึงถูกผลิตให้มี pH เท่ากับ pH ของร่างกาย

E.p.t.q. มีข้อดียังไง

 1. อนุภาคโมเลกุลที่สม่ำเสมอ

e.p.t.q.® เป็นกรดไฮยาลูรอนิกที่มีความหนาแน่นสูง  และมีลักษณะที่เป็นเวสโกเอลาสติก พร้อมด้วยการปรับเปลี่ยนโมเลกุลที่น้อยมากและอนุภาคที่มีความสม่ำเสมอ

 2. แรงการดูดซึม

คุณสมบัติทางเรโอโลจิคที่มีความเสถียร เมื่อเปรียบเทียบกับเจลไฮยาลูรอนิกอื่น ๆ ทำให้ได้ผลลัพธ์ที่สามารถเหมาะสำหรับการยกขึ้น, และการเพิ่มปริมาตร โดยง่ายต่อกระบวนการฉีดยา

 3. คุณสมบัติของเจล

เมื่อพิจารณาคุณสมบัติทางเรโอโลจิครวมกัน e.p.t.q. เป็นกรดไฮยาลูรอนิกที่เหมาะสมมาก มีความสามารถในการยกสูงอย่างมากและยืดหยุ่น คนไข้สามารถเคลื่อนไหวพร้อมกับการแสดงอารมณ์บนใบหน้าแต่ไม่ทำให้บริเวณอื่นสูญเสียรูปร่างไป

E.p.t.q. มีกี่รุ่น

 1. E.p.t.q. S 100 เป็นกรดไฮยาลูรอนิกที่มีความหนาแน่นต่ำมาก ทำให้มีความดันต่ำเมื่อฉีดเข้าใบหน้า ทำให้ง่ายต่อการฉีด เนื้อฟิลเลอร์ของ S 100 จะเรียบและฉีดง่าย E.p.t.q. S 100 มีส่วนผสมของ lidocaine หรือยาชาเพื่อลดความเจ็บปวดให้กับคนไข้ระหว่างฉีด ฟิลเลอร์รุ่นนี้เหมาะสำหรับการรักษารอยย่นบางๆ ในพื้นที่ใบหน้า เช่น รอบดวงตา, ริ้วรอยบางรอบปาก, ริ้วรอยเล็กๆ รอบจมูกและปาก  E.p.t.q. S 100 จะช่วยคืนความชุ่มชื้นธรรมชาติของผิวหน้าคืนมา

 2. E.p.t.q. S 300 พร้อมกับ Lidocaine เหมาะสำหรับการรักษาริ้วรอยในระดับกลางถึงลึกบนหน้าผาก และการแก้ไขความผิดปกติของโครงร่างผิว, ร่องแก้ม (nasolabial folds), ริ้วรอยรอบปาก, และรอยย่น ตอนขมวดคิ้ว E.p.t.q. S 300 เหมาะสำหรับการใช้ในการฉีดริมฝีปากเพื่อเพิ่มปริมาตร ความหนาแน่นระดับกลางของฟิลเลอร์ตัวนี้ทำให้ง่ายต่อการกำหนดรูปร่างจมูก, แก้ไขแก้มตอบ, และคาง. E.p.t.q. S 300 มีฐานที่ประกอบด้วยกรดไฮยาลูรอนิกที่บริสุทธิ์เช่นกัน

 3. E.p.t.q. S 500 มีความเข้มข้นสูงสุด กรดไฮยาลูรอนิกของ E.p.t.q. รุ่นนี้เหมาะสำหรับการฉีดหน้าและการแสดงรูปร่างใบหน้าส่วนที่มีความลึกมากที่สุด ทำให้เหมาะสำหรับการเน้นริมฝีปากและรูปร่างคาง และในส่วนที่อื่นที่มีรอยย่นลึก เช่นบริเวณแก้มตอบ

E.p.t.q. อยู่ได้นานไหม

ฟิลเลอร์  E.p.t.q ใช้งานได้ระหว่าง 12-24 เดือน 

E.p.t.q. ปลอดภัยมั้ย

E.p.t.q. เป็นกรดไฮยาลูรอนิกที่ปลอดภัยมาก ระหว่างการผลิตทุกส่วนผสมจะผ่านกระบวนการฆ่าเชื้อ ซึ่งทำให้กรดไฮยาลูรอนิกบริสุทธิ์นั่นเอง และช่วยให้สารไอน์โดทอกซินอยู่ในระดับต่ำกว่า 0.1 EU/ml ซึ่งลดผลข้างเคียงเช่นผิวบวมหลังจากกระบวนการฉีด นอกจากนั้น E.p.t.q. มี pH ที่เหมือนกับ pH ในร่างกาย

นอกจากนี้ BDDE ที่เหลืออยู่ในกรดไฮยาลูรอนิกนี้ถูกเก็บไว้ต่ำกว่าระดับ <2 ส่วนต่อล้าน (ppm) ในกรดไฮยาลูรอนิกระดับนี้ถือว่าไม่เป็นพิษต่อร่างกาย E.p.t.q. ใช้กระบวนการฆ่าเชื้อที่ทำให้ระดับของ BDDE ที่เหลือต่ำกว่า <2 ส่วนต่อล้าน (ppm) ทำให้ e.p.t.q. เป็นกรดไฮยาลูรอนิกที่ปลอดภัยและไม่เป็นพิษ นอกจากนั้น E.p.t.q. ได้รับการรับรอง CE และได้รับการอนุมัติจาก FDA.

หลังฉีดฟิลเลอร์ E.p.t.q. ต้องปฎิบัติตัวอย่างไรบ้าง

หลีกเลี่ยงการดื่มเหล้าและสูบบุหรี่

การล้างหน้าและแต่งหน้าเบาๆ สามารถทำได้หลังได้รับการรักษา

แผลฟกช้ำมักจะหายเองภายในอาทิตย์ แต่การใช้ครีมวิตามิน K จะช่วยให้แผลฟกช้ำหายได้เร็วขึ้น

ฉีดฟิลเลอร์ E.p.t.q. มีผลข้างเคียงอะไรได้บ้าง

บวม: การใช้ถุงน้ำแข็งก่อนและหลังการรักษาจะเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพ

แผลฟกช้ำ: โดยปกติแผลฟกช้ำจะหายไปในอาทิตย์หนึ่ง แต่หากใช้ครีมวิตามิน K แผลฟกช้ำจะหายได้เร็วขึ้น

คัน: อาจจะเกิดการแพ้ มีอาการคันได้บ้างแต่จะหายได้เอง

ปรากฏการณ์ Tyndall: ในบางกรณี อาจจะเกิด Tyndall เอฟเฟคต์ได้ หากฉีดฟิลเลอร์บริเวณผิวหนังที่อ่อนหรือบางมากๆ

อ่านฟิลเลอร์จากเกาหลีอีกหนึ่งแบรนด์ดัง Yvoire คลิกเลย

  • Share this post